ปี 2564 ประเทศไทยและทั่วโลกยังคงประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ส่งผลให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้บางธุรกิจต้องมีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ด้วยการที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทำให้เป็นผลกระทบเชิงบวกจากยอดขายที่มากขึ้นของเวชภัณฑ์ และวิตามินต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยได้จัดโครงสร้างขององค์กรให้มีความคล่องตัว พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ และกำหนดแผนธุรกิจให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อลดความผันผวนของผลการดำเนินงาน และดำเนินการตามแผนงานและเป้าหมายอย่างระมัดระวังและรอบคอบ

โดยในปี 2564 บริษัทได้มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ “บริษัท อินเตอร์ฟาร์มา-ซีวิต้า จำกัด” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิจัยและพัฒนา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเข้าซื้อโรงงานผลิตยา พร้อมเครื่องจักรและทะเบียนยา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขันการดำเนินธุรกิจ สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท

อย่างไรก็ตาม บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือ ได้ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพนักงานในการปฏิบัติตามแผนป้องกันความเสี่ยง ความเป็นมืออาชีพของทีมผู้บริหาร และความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่ยังคงเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเราเสมอมา เราต้องก้าวต่อ และอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน โดยธุรกิจต้องไม่หยุดชะงัก และจะมุ่งมั่นพัฒนา และวิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับคน และสัตว์แบบครบวงจร ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายนี้ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ใคร่ขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ที่ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้บริษัทด้วยดีตลอดมาครับ

ดร. ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร